หมวดหมู่: ธปท.

BOAวรไท สนตประภพ copy copy


ผู้ว่าแบงก์ชาติ งัด 4 มาตรการเปิดเสรีคนไทยนำเงินออกนอกประเทศ หวังแก้ค่าเงินบาทแข็ง 

       ผู้ว่า ธปท. จัดแพคใหญ่แก้บาทแข็ง งัด 4 มาตรการ “เพิ่มวงเงินผู้ส่งออกพักเงินในตปท.-คนไทยลงทุนหลักทรัพย์ต่างประเทศได้เองวงเงิน 2 แสนดอลลาร์-เปิดเสรีทำธุรกรรมต่างประเทศยกเว้นแค่บางรายการสำคัญ-ไฟเขียวเทรดทองสกุลดอลล์”เริ่มมีผลใช้ 8 พ.ย. 62 คาดเกณฑ์เปิดเสรีลดแรงกกดดันการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด และการแข็งค่าเงินบาท

       นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท) เปิดเผยว่า ธปท.ได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์ที่เอื้อให้เงินทุนไหลออกที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.62 เพื่อให้ช่วยปรับสมดุลเงินทุนเคลื่อนย้ายและลดแรงกดดันต่อเงินบาทที่แข็งค่าในปัจจุบัน ซึ่งสรุปสาระสำคัญ 4 มาตรการ ดังนี้ มาตรการแรก การยกเว้นการนำเงินรายได้จากส่งออกกลับประเทศ โดยอนุญาตให้ผู้ส่งออกที่มีรายได้ไม่เกิน 200,000 ดอลลาร์ต่อใบขน(สินค้า) สามารถนำเงินดอลลาร์ดังกล่าว ฝากไว้ในต่างประเทศโดยไม่จำกัดเวลา จากเดิมกำหนดไว้ไม่เกิน 50,000 ดอลลาร์ต่อใบขน ซึ่งในปี 2561 รายได้รวมจากการส่งออกที่ไม่เกิน 200,000 ดอลลาร์ต่อใบขน มีมูลค่ารวมกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ หรือครอบคลุมประมาณ 50%ของมูลค่าการส่งออก และภายในระยะ 3 เดือน จะทำการปรับเพิ่มเป็น 1 ล้านดอลลาร์ต่อใบขน ซึ่งจะสามารถครอบคลุมได้ถึง 80%ของมูลค่าการส่งออก การอนุญาตให้ผู้ส่งออกนำเงินไว้ต่างประเทศจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยนได้อย่างมีทางเลือกมากขึ้น และสามารถรออัตราแลกเปลี่ยนเหมาะสมจึงนำเงินดังกล่าวกลับเข้ามา

       นอกจากนี้ หากผู้ส่งออกมีรายได้สูงกว่าวงเงินข้างต้น จะสามารถนำไปหักกลบกับรายจ่ายในต่างประเทศได้ โดยไม่ต้องนำกลับเข้าประเทศก่อน โดยไม่ต้องขออนุญาต แต่ให้ขึ้นทะเบียนกับธปท.และยื่นเอกสารนี้ให้ธนาคารพาณิชย์ และได้มีการปรับปรุงกฏเกณฑ์ที่เกี่ยวกับบัญชีเงินฝากเงินต่างประเทศ( FCD) ที่เปิดกับธนาคารพาณิชย์ได้ง่ายขึ้นด้วย ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการโอนเงินไปมาและสามารถบริหารอัตราแลกเปลี่ยนได้อย่างคล่องตัว โดยไม่ต้องนำเงินเข้ามาประเทศ

       มาตรการที่สอง เรื่องการเปิดเสรีให้นักลงทุนสามารถนำเงินออกไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศได้เองโดยตรง ภายในวงเงิน 200,000 ดอลลาร์ต่อปีจากเดิมกำหนดวงเงินแค่ 50,000 ดอลลาร์ต่อปี และต้องผ่านตัวกลางในประเทศ อย่างโบรกเกอร์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ผู้จัดการกองทุนส่วนบุคคล ธนาคารพาณิชย์ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนไทยจะต้องมาขึ้นทะเบียนกับธปท. และทำการรายงานยอดคงค้างทุกปีกับธปท. และธปท.ได้เพิ่มวงเงินรวมสำหรับการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศที่จัดสรรให้นักลงทุนภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เป็นวงเงิน 150,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อรองรับการออกไปลงทุนในต่างประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และทำให้การออกไปลงทุนต่างประเทศมีความสะดวกมากขึ้น ที่สำคัญเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านตัวกลางในการพาออกไปลงทุนหลักทรัพย์ในต่างประเทศด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้ที่จะออกไปลงทุนเองควรจะเป็นผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจการลงทุนและความเสี่ยงด้วย ทั้งนี้ วงเงินเดิมที่ธปท.กำหนดอยู่ที่ 100,000 ดอลลาร์

         มาตรการที่สาม การเปิดเสรีการโอนเงินออกนอกประเทศได้ทุกวัตถุประสงค์ ยกเว้นบางรายการที่จะต้องขออนุญาตธปท. อาทิ การชำระธุรกรรมซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนกับสถาบันการเงินในต่างประเทศ นอกจากนี้ ธปท.อนุญาตให้สามารถโอนเงินให้สำหรับตนเองหรือญาติที่อยู่ในต่างประเทศได้อย่างเสรี และสำหรับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศวงเงินไม่เกิน 50 ล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ต่อคนไทยที่อยู่ในต่างประเทศจำนวนมากขึ้นในปัจจุบัน

      “ส่วนประชาชนหรือภาคธุรกิจที่ต้องการโอนเงินออกนอกประเทศต่ำกว่า 2 แสนดอลลารณ์ ต่อครั้ง ไม่ต้องยื่นเอกสารหลักฐาน เพื่อช่วยให้การทำธุรกรรมสะดวกขึ้น ซึ่งเดิมธปท.กำหนดวงเงิน 5 หมื่นดอลลาร์ คนไทยจะสามารถโอนเงินได้เสรี ถ้าเป็นรายการที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวันที่อยู่ในต่างประเทศ เพราะทุกวันนี้คนไทยอยู่ในต่างประเทศกันจำนวนมากขึ้น ซึ่งจะโอนค่าใช้จ่ายการศึกษา การซื้ออสังหาฯให้ครอบครัว ธปท.ก็ผ่อนคลายให้โอนเงินได้สะดวกขึ้น “ผู้ว่าธปท.กล่าว

       มาตรการที่สี่ คือ การซื้อขายทองคำในประเทศที่เป็นเงินตราต่างประเทศ ธปท.อนุญาตให้ลูกค้าคนไทยที่ซื้อขายทองคำกับบริษัทผู้ค้าทองคำที่ได้รับอนุญาตจากธปท. สามารถชำระราคาในรูปเงินตราต่างประเทศได้ ผ่านบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ(FCD) ที่เปิดกับธนาคารพาณิชย์ในประเทศ ซึ่งลูกค้าสามารถเก็บเงินตราต่างประเทศจากการขายทองไว้ในบัญชีนี้โดยไม่ต้องแลกเป็นเงินบาท เพื่อรอลงทุนในครั้งต่อไป เนื่องจากมีนักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่ต้องแปลงเงินซื้อขายทองไปมา ซึ่งการผ่อนคลายดังกล่าวจะทำให้มีความสะดวกในการลงทุนทองคำมากขึ้น

      “เราได้คุยกับผู้ประกอบการทองคำทุกรายให้ช่วยกันลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาท เพราะที่ผ่านมาราคาทองคำในตลาดโลกเพิ่มขึ้นสูงมาก ซึ่งคนไทยจะขายทองกันเยอะ เวลาคนขายทองก็จะได้เป็นเงินบาทกลับมา ก็จะยิ่งเป็นแรงกระแทกเสริมเงินบาทแข็งขึ้น ประกอบกับประเทศไทยเป็น safe heaven เนื่องจากสภาวะความผันผวนสูงในตลาดโลก ทำให้เรา(เงินบาท)โดน 2 เด้ง ดังนั้นจึงได้ขอความร่วมมือ และในอนาคต ธปท. พร้อมจะอนุญาตการซื้อขาย Gold Futures ในรูปเงินตราต่างประเทศ ด้วย “นายวิรไทกล่าว

     นายเมธี สุภาพงษ์ รองผู้ว่าการธปท. กล่าวว่า การผ่อนคลาย 4 มาตรการนี้ ถือว่าเปิดเสรีค่อนข้างมาก จะช่วยทั้งภาคธุรกิจและคนไทย รวมทั้งจะช่วยลดแรงกดดันการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด ที่เป็นประเด็นต่อการแข็งค่าของเงินบาทมาในช่วงที่ผ่านมา แต่ทั้งนี้จะต้องให้เวลาแก่กลุ่มผู้ที่จะนำมาตรการนี้ใช้ประโยชน์ด้วย อย่างผู้ส่งออกที่ไม่มีบัญชีต่างประเทศ ก็จะไม่รู้ลงทุนอะไรดี ก็ต้องใช้เวลาระยะหนึ่งในการปรับตัว หรือมัแต่จะพักเงินไว้รอหักกลบค่าใช้จ่ายในต่างประเทศเรียบร้อย เหลือเท่าไหร่ค่อยนำเข้ามา หรือจะไปลงทุน กระจายความเสี่ยง ก็จะทำได้สะดวกยิ่งขึ้น รวมทั้งยังช่วยลดต้นทุนไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมต่างๆที่เกี่ยวกับการโอนเงินหรืออัตราแลกเปลี่ยนด้วย”นายเมธีกล่าว

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!