หมวดหมู่: บทวิเคราะห์

บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน 14-7-2020FSS2


กลยุทธ์วันนี้ >> Earnings Play//Accumulate on Dip

ตลาดหุ้นวานนี้: SET Index ปรับตัวบวกขึ้นทดสอบ 1,365 จุดได้ช่วงเช้าตามตลาดหุ้นทั่วโลก แต่เริ่มมีแรงในช่วงบ่ายและทำให้ดัชนีย้อนลงมาปิดลบ 8.13 จุด ณ สิ้นวัน หลังพบผู้ติดเชื้อ COVID-19 จากต่างชาติที่เดินทางเข้ามาและไม่ได้มีการกักตัว ทำให้ตลาดกังวลว่าอาจเกิดการระบาดระลอกที่ 2 สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นอีก 894 ลบ. ส่วนนักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิ 423 ลบ. (สถานะใน Index Futures วานนี้ไม่มีนัยยะ)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways Down ในกรอบ 1,330-1,350 จุดจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบมากขึ้นโดยเฉพาะการพบผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในไทยซึ่งเป็นทหารและคณะฑูตที่เข้าประเทศโดยไม่ต้องกักตัว ทำให้มีความเสี่ยงระบาดระลอกที่ 2 เหมือนในต่างประเทศ โดยต้องติดตามตัวเลขผู้ติดเชื้อในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นการพัฒนาวัคซีนช่วยประคองหลังล่าสุด Pfizer&BioNTech ได้สถานะ Fast Track จาก FDA เราคาดว่าตลาดจะยังแกว่งตัวผันผวนทั้งประเด็นสถานการณ์ COVID-19 รวมถึงโอกาสในการปรับครม.ในอนาคต นอกจากนี้ ยังต้องติดตามผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน 2Q20 ที่จะเริ่มทยอยประกาศ ระยะสั้นจึงยังเน้นเก็งกำไรหุ้นที่คาดมีผลประกอบการ 2Q20 แข็งแกร่ง ขณะที่การปรับฐานของตลาดยังเป็นจังหวะทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานโดยเน้น Domestic plays แต่หากมีพัฒนาการเชิงบวกที่ชัดเจนของวัคซีน COVID-19 เราแนะนำให้เปลี่ยนไปลงทุนในกลุ่ม Global Play ทันที

กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่คาดมีผลประกอบการ 2Q20 แข็งแกร่ง //ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานในช่วงตลาดปรับฐาน

หุ้นเด่นเดือน มิ.ย. : BDMS, BEM, CK, DOHOME, OSP

หุ้นเด่นวันนี้: CPF

แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2021 ที่ 40 บาท

แม้วานนี้ราคาหุ้นจะปรับขึ้น 6% แต่ PE 2020-21 ยังอยู่ที่ 13-14 เท่า ไม่สูงเกินไปเมื่อเทียบกำไรปีนี้ที่คาด +42% Y-Y (เป็น 2.09 หมื่นลบ.) และปีหน้ายังโตต่อจากฐานที่สูงได้อีก +3% Y-Y (เป็น 2.14 หมื่นลบ.)

ล่าสุดจีนพบเชื้อโควิด-19 ในกุ้งนำเข้า (อาจหันมานำเข้าจากไทยเพิ่ม) ราคาเนื้อสัตว์อื่นๆเร่งตัวขึ้น และมีปัญหาขาดแคลนหมูในหลายประเทศ ขณะที่ระบบการเลี้ยงของ CPF มีประสิทธิภาพสูงมาก ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ และติดต่อขอนำเข้าเนื้อหมู/ผลิตภัณฑ์หมูจากบริษัทมากขึ้นทั้งที่ในอดีตห้ามนำเข้าหมูจากไทย

CPF ซื้อหุ้นคืนไปแล้ว 79.8 ล้านหุ้น (0.93% ของหุ้นที่ชำระแล้ว) ราคาเฉลี่ย 31.75 บ/หุ้น คงเหลือหุ้นที่ซื้อคืนได้อีก 320 ล้านหุ้น จนถึง 30 ก.ย. 2020

Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลเข้าภูมิภาค US$182 ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวันและเกาหลีใต้ US$139 ล้านและ US$49 ล้าน ส่วนไทยไหลเข้าเล็กน้อย US$13 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังคงผันผวนไหลออกสลับไหลเข้าในระยะนี้ตามพัฒนาการของข่าวโดยเฉพาะประเด็นของวัคซีน COVID-19 และสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ยังน่ากังวล

ประเด็นสำคัญวันนี้

(-) อุตสาหกรรมทอ่งเที่ยวฟื้นช้า ผู้ประกอบการต้องปรับตัว เราได้เข้าร่วมพูดคุยกับผู้ว่าการท่องเที่ยวฯวานนี้ ข้อมูลโดยรวมตอกย้ำมุมมองของเราที่คาดว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะฟื้นตัวช้าในฝั่งนักท่องเที่ยวต่างชาติ คาดว่า Travel Bubble อาจเกิดขึ้นใน 4Q20 และยังต้องแบ่งเป็น 3 ระยะ (ทดลอง ขยายผล ใช้จริง) ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวปี 2020-21 น่าจะอยู่ในระดับต่ำ 8 ล้านคนและ 20 ล้านคน ตามลำดับ ห่างไกลจากปี 2019 ที่ 39.8 ล้านคน ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวต้องปรับกลยุทธ์หันไปเน้นนักท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น ททท.ต้องดึงดูดต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่ม Medical Tourist และ High spender

(-) กลุ่มท่องเที่ยว-การแพทย์ วานนี้ที่การพบผู้ติดเชื้อ COVID-19 ต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยและไม่ได้กักตัว ทำให้มีความเสี่ยงเกิดการระบาดรอบ 2 และอาจกระทบการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ราคาหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวทั้ง MINT, CENTEL, ERW แม้จะปรับตัวลงหลังเราแนะนำขายเมื่อกลางเดือน มิ.ย. แต่ upside ปัจจุบันยังไม่กว้างพอ จึงแนะนำเพียงถือ/รอซื้ออ่อนตัว นอกจากนี้ AOT รวมถึงหุ้นสายการบิน ซึ่งคาดว่าผลประกอบการจะขาดทุนใน 2H20 แนะซื้ออ่อนตัวเช่นกัน ส่วนกลุ่มการแพทย์ แนะนำเลือกลงทุนในโรงพยาบาลที่มีรายได้ประกันสังคมและการตรวจหาเชื้อ COVID-19 อย่าง BCH (ราคาเป้าหมาย 17.50 บาท)

(+) กลุ่มอสังหาฯ การเปิดโครงการใหม่ใน 2Q20 ลดลง 27% Q-Q และ 73% Y-Y โครงการใหม่ที่เปิดเป็นแนวราบทั้งหมดซึ่งขายดีอย่างไม่น่าเชื่อ (เฉลี่ย 15% ถือว่าดีในสถานการณ์ปัจจุบัน) ผู้ประกอบการที่มีพอร์ตแนวราบเป็นหลักสร้างยอดขายได้ดี (ยกเว้น PSH) ทำให้กำไร 2Q20 ไม่แย่อย่างที่เคยคาด ผู้ที่มีกำไรเพิ่มขึ้น Q-Q, Y-Y คาดเป็น AP และ SC สำหรับโครงการที่จะเปิดใหม่ใน 2H20 มูลค่าจะมากกว่า 1H20 เท่าตัวโดย 81% จะเป็นแนวราบ เน้น Mid to high end เราเพิ่มน้ำหนักกลุ่มฯเป็น Overweight จาก Neutral คาดกำไรปี 2021 ฟื้นเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีตั้งแต่มีเกณฑ์ LTV ตลาดยังเป็นของแนวราบ ส่วนดอนโด เชื่อ demand-supply จะเริ่มสมดุล ปัจจุบันกลุ่มฯมี PE 6.2 เท่า คาด Dividend yield ราว 7% เราเลือก Top picks เป็น AP (เป้า 7 บาท) เพราะเปิดตัวแนวราบมากสุดในปีนี้ และ LH (เป้า 9.80 บาท) จากแบรนด์แนวราบที่แข็งแกร่ง

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 10.50 จุด ปิดที่ 26,085.80 จุด หนุนจากข่าวไฟเซอร์ อิงค์ บริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐ และ BioNTech บริษัทยาของเยอรมนี ได้รับสถานะ fast track จากสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ในการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 อย่างไรก็ดี ถูกกดดันจากข่าวผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียสั่งปิดสถานประกอบการบางประเภทอีกครั้ง อาทิ บาร์, ภัตตาคาร, โรงภาพยนตร์ หลังจากยอดติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หนุนจากข่าวความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีนวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ขณะที่นักลงทุนติดตามการทยอยเปิดเผยผลประกอบการ 2Q20 ของบริษัทจดทะเบียนในยุโรปและสหรัฐ รวมถึงการประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรปในวันที่ 17-18 ก.ค.นี้ เพื่อพิจารณาเกี่ยวกับกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจ วงเงิน 7.50 แสนล้านดอลลาร์ รวมถึงการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 16 ก.ค.นี้

(-) ตลาดเอเชียปรับลง ท่ามกลางนักลงทุนติดตามจีนเปิดเผยยอดนำเข้า ส่งออก และดุลการค้าเดือนมิ.ย.ในเวลา10.00 น. ตามเวลาไทย

(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 31.44 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 45 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 40.10 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีกระแสคาดการณ์ว่า ในการประชุมของคณะกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต (JMMC) ของกลุ่มโอเปกพลัสในวันอังคาร-พุธนี้ จะมีการเสนอให้มีการเพิ่มกำลังการผลิตจากระดับในปัจจุบัน รวมถึงถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่ติดตาม EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐในพุธนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 12.2 ดอลลาร์ หรือ 0.68% ปิดที่ 1,814.1 ดอลลาร์/ออนซ์ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1203.97 / +3.51

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

14 ก.ค. - จีน: ส่งออก-นำเข้า (มิ.ย.)

- สิงคโปร์: 2Q20 GDP (ประกาศแล้ว -12.6% Y-Y)

- ยูโรโซน: Industrial Production (พ.ค.), ZEW Survey Expectations (ก.ค.)

15 ก.ค. - ญี่ปุ่น: BOJ ประชุม

- OPEC+ ประชุม

16 ก.ค. - จีน: 2Q20 GDP, ยอดค้าปลีก, การลงทุน (มิ.ย.)

- สหรัฐ: Fed Beige Book, ยอดค้าปลีก (มิ.ย.)

- ยูโรโซน: ECB ประชุม, EU27 New car registrations (มิ.ย.)

- อินโดนีเซีย: ธนาคารกลางประชุม

- เกาหลีใต้: ธนาคารกลางประชุม

Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530

Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077

www.fnsyrus.com

FB: Finansia Syrus Research

ที่มา: บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ประจำวันที่ 14 ก.ค. 2563

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!