คนมองเศรษฐกิจไทยบวก ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค ก.พ.68 เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 6 เดือนติด
พาณิชย์ เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม เดือน ก.พ.68 อยู่ในช่วงเชื่อมั่นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 สะท้อนมุมมองเชิงบวกของประชาชน หลังรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ ราคาสินค้าเกษตรเพิ่ม ส่งออกโต และปราบแก๊งคอลเซนเตอร์ คาดแนวโน้มยังดี หลังรัฐลุยกระตุ้นเศรษฐกิจต่อ รวมถึงการลดดอกเบี้ยล่าสุด แต่ต้องจับตาหนี้ครัวเรือน ผลกระทบนโยบายของสหรัฐฯ
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) และโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม เดือน ก.พ.2568 อยู่ที่ระดับ 52.0 ยังคงอยู่ในช่วงเชื่อมั่นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 และเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 51.5 สะท้อนถึงมุมมองเชิงบวกของประชาชนต่อเศรษฐกิจไทย
โดยเฉพาะความเชื่อมั่นจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ มาตรการภาษี Easy E-Receipt 2.0 และโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ ราคาสินค้าเกษตรสำคัญที่ปรับตัวดีขึ้น การส่งออกที่เติบโตได้ดีในตลาดสำคัญ และได้ผลดีจากมาตรการของภาครัฐที่เข้มงวดกับแก๊งคอลเซนเตอร์ ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการทำธุรกรรมของประชาชนมากขึ้น
สำหรับ ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค พบว่า ด้านเศรษฐกิจไทยส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 50.15 รองลงมา คือ มาตรการของภาครัฐ คิดเป็นร้อยละ 14.82 ราคาสินค้าเกษตร คิดเป็นร้อยละ 7.76 เศรษฐกิจโลก คิดเป็นร้อยละ 7.33 สังคม/ความมั่นคง คิดเป็นร้อยละ 7.22 การเมือง คิดเป็นร้อยละ 3.90 ผลจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิง คิดเป็นร้อยละ 3.86 ภัยพิบัติ/โรคระบาด คิดเป็นร้อยละ 2.79 และอื่นๆ คิดเป็นร้อยละ 2.17 ตามลำดับ
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจำแนกรายภูมิภาค จำนวน 5 ภูมิภาค พบว่า ดัชนีอยู่ในช่วงเชื่อมั่น 4 ภาค ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ที่ระดับ 54.9 กรุงเทพฯ และปริมณฑล อยู่ที่ระดับ 52.2 ภาคกลาง อยู่ที่ระดับ 51.0 และภาคใต้ อยู่ที่ระดับ 50.6 โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลให้มีความเชื่อมั่นคือ เศรษฐกิจไทย สังคม/ความมั่นคง มาตรการของภาครัฐ และเศรษฐกิจโลก ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของภาคเหนือ ปรับขึ้นจากเดือนก่อนหน้า แต่อยู่ต่ำกว่าช่วงเชื่อมั่นเล็กน้อย ที่ระดับ 49.8
ด้านดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจำแนกรายอาชีพ จำนวน 7 อาชีพ พบว่า ทั้ง 7 กลุ่มอาชีพมีดัชนีอยู่ในช่วงเชื่อมั่นทั้งหมด โดยพนักงานของรัฐ อยู่ที่ระดับ 55.8 ผู้ประกอบการ อยู่ที่ระดับ 53.1 นักศึกษา อยู่ที่ระดับ 52.0 เกษตรกร อยู่ที่ระดับ 51.8 พนักงานเอกชน อยู่ที่ระดับ 50.9 ไม่ได้ทำงาน/บำนาญ อยู่ที่ระดับ 50.7 และอาชีพรับจ้างอิสระ อยู่ที่ระดับ 50.4 สำหรับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังอยู่ต่ำกว่าช่วงเชื่อมั่น โดยอยู่ที่ระดับ 43.9
นายพูนพงษ์ กล่าวว่า ประชาชนยังคงมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยว่าจะสามารถขยายตัว และมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากมาตรการต่างๆ ของภาครัฐ อาทิ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพ การส่งเสริมการส่งออก การสนับสนุนสินค้าเกษตร
และการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งจะช่วยลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจและเพิ่มความเชื่อมั่นต่อการใช้จ่ายของประชาชน ตลอดจนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยล่าสุดเมื่อวันที่ 26 ก.พ.2568 คาดว่าจะช่วยลดความกังวลต่อปัญหาหนี้ครัวเรือน หนี้สินภาคธุรกิจ และกระตุ้นการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม หนี้ครัวเรือน ยังคงเป็นปัญหาภายในประเทศที่มีความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงความเชื่อมั่นของประชาชน รวมถึงยังมีปัจจัยภายนอกที่อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ อาทิ ความผันผวนของสถานการณ์โลกจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายของสหรัฐฯ ที่จะส่งผลกระทบทั้งในภาคการค้าระหว่างประเทศและสถานการณ์ความขัดแย้งโลก