พิชัย ถกอัครราชทูต-อุปทูตจีน ขอผ่อนปรนตรวจสารตกค้างทุเรียน ช่วยส่งออกราบรื่น
พิชัย ถกอัครราชทูต-อุปทูตจีน ขอผ่อนปรนมาตรการตรวจสารตกค้างในทุเรียนไทย 100% เพิ่มความรวดเร็ว เครื่องมือ เจ้าหน้าที่ในการตรวจผ่านด่าน เพื่อให้การส่งออกทุเรียนไทยไปจีนช่วงฤดูกาลผลไม้ราบรื่น ด้านจีนรับข้อเสนอ พร้อมกำชับไทยเข้มงวดป้องกันสารปนเปื้อนไม่ให้หลุดรอด ส่วนสถานการณ์ด่านในจีน ล่าสุดศุลกากรหนานหนิงเปิดช่องทางพิเศษ ด่านคุนหมิงขยายเวลาทำงาน เพิ่มช่องทางเดินรถ เตรียมลุยสร้างความเชื่อมั่น จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการหารือกับนายอู๋ จื้ออู่ อัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย และ น.ส.จาง เซียวเซียว อุปทูตด้านเศรษฐกิจและการค้า ประจำสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2568 ที่ผ่านมา ว่า ได้หยิบยกประเด็นปัญหาอุปสรรคในการส่งออกทุเรียนไทยไปยังจีน
โดยเฉพาะปัญหาการตรวจพบสารตกค้าง และการตรวจสอบที่เข้มงวด ซึ่งส่งผลต่อกระบวนการกระจายสินค้าในฤดูกาลผลไม้ปีนี้ โดยได้ขอให้ทางการจีนพิจารณาผ่อนปรนมาตรการตรวจสอบสารตกค้างในทุเรียนไทย โดยเฉพาะการตรวจสาร BY2 ที่ปัจจุบันสุ่มตรวจ 100% พร้อมทั้งขอให้เพิ่มความรวดเร็วในการตรวจผ่านด่าน เพิ่มเครื่องมือและอุปกรณ์การตรวจ
รวมทั้งเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ เพื่อรองรับปริมาณสินค้าที่จะส่งออกไปยังตลาดจีนในช่วงฤดูผลไม้ พร้อมทั้งเสนอให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์การตรวจรถสินค้าที่หน้าด่าน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยสามารถบริหารจัดการและอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ อัครราชทูตจีนได้รับนำข้อเสนอของไทยไปประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจีน เพื่ออำนวยความสะดวกและผลักดันการส่งออกทุเรียนไทยสู่ตลาดจีนให้เกิดความราบรื่นมากที่สุด พร้อมได้กำชับขอให้ทางไทยเข้มงวดเรื่องการป้องกันและการตรวจสารปนเปื้อน ไม่ให้หลุดรอด ไปตรวจพบในจีน ซึ่งปัจจุบันยังมีการตรวจพบสารนี้ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้รับและจะเร่งประสานกรมวิชาการเกษตรเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อไป
นายพิชัย กล่าวว่า ตนได้ติดตามสถานการณ์ที่ด่านนำเข้าสินค้าของจีนอย่างใกล้ชิด โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ในจีน ได้รายงานสถานการณ์ว่า ศุลกากรหนานหนิง ได้เปิดช่องทางพิเศษสำหรับการนำเข้าสินค้าเกษตรจากอาเซียน
และให้ความสำคัญกับสินค้าผลไม้เป็นอันดับแรก มีการขยายเวลาการทำงาน เพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ มีการใช้ระบบนัดหมายล่วงหน้าในการผ่านด่าน รวมทั้ง การผลักดันให้รถขนส่งสินค้าที่มาจากเวียดนามใช้ช่องทางด่านทวิภาคีจีน-เวียดนาม เพื่อลดความหนาแน่น
โดยในอนาคต ด่านศุลกากรหนานหนิง มีแผนที่จะขยายช่องทางจราจรสำหรับขนส่งให้มีทางเข้า 3 ช่อง ออก 3 ช่อง (ปัจจุบันเข้า 2 ช่อง ออก 2 ช่อง) และอยู่ระหว่างการก่อสร้างห้องปฏิบัติการตรวจสาร BY2 บริเวณด่าน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน พ.ค.2568
และด่านศุลกากรคุนหมิง ได้มีการขยายเวลาการทำงานล่วงเวลา และเพิ่มเจ้าหน้าที่ด่าน ตลอดจนได้เพิ่มห้องแลปตรวจสาร BY2 จากเดิม 3 ห้อง เป็น 5 ห้อง (ปัจจุบันเปิดใช้งานแล้ว 4 ห้อง) ทำให้สามารถตรวจสินค้าได้วันละ 400 ตัวอย่าง พร้อมทั้งมีแผนที่จะขยายช่องทางเดินรถขาเข้าและขาออก จาก 2 ช่อง เป็น 12 ช่อง คาดว่าจะพร้อมใช้งานในช่วงต้นปี 2569
ในด้านการส่งเสริมการตลาดในจีน กระทรวงพาณิชย์มีแผนสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพทุเรียนไทย เน้นจุดเด่นด้านรสชาติ ความแตกต่างจากคู่แข่ง การขยายตลาดออนไลน์ เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล และส่งเสริมการขายผ่านงานแสดงสินค้านานาชาติในเมืองใหญ่ และกระตุ้นการบริโภคผ่านกิจกรรมพิเศษ เช่น เมนูทุเรียนในร้านอาหาร Thai SELECT กิจกรรมทุเรียนทัวร์ และการจัดบุฟเฟ่ต์ทุเรียนในห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าในจีน
ในปี 2567 ไทยส่งออกทุเรียนไปยังจีนประมาณ 833,000 ตัน มูลค่าประมาณ 3,700 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 97.4% ของการส่งออกทุเรียนทั้งหมดของไทย