หมวดหมู่: บทวิเคราะห์

ASPS logo


บล.เอเซีย พลัส l บทวิเคราะห์กลยุทธ์การลงทุนหุ้นต่างประเทศรายวัน Global Daily Insight

          ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดผสมผสานในวันจันทร์ที่ผ่านมา (S&P500 +0.55%, Dow Jones +1.00% และ Nasdaq -0.14%) โดยตลาดหุ้นยังแกว่งตัวรอดูท่าทีต่อการปรับขึ้นภาษีตอบโต้ กับคู่ค้า (Reciprocal tariffs) ของสหรัฐฯ ทั้งนี้ ดัชนี S&P500 ได้รับแรงหนุนหลักจากการ ปรับตัวขึ้นของหุ้นในกลุ่ม Consumer Staples (+1.63%), Financials (+1.25%) และ Energy (+1.07%) Fox News เผยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังไม่ตัดสินใจขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับแผนภาษีตอบโต้กับคู่ค้า โดยแหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่าอาจเลื่อนการตัดสินใจไปจนถึงช่วงเช้าวันที่ 2 เม.ย. ซึ่งเป็น วันครบกำหนด “Liberation Day” ที่ทรัมป์เตรียมเปิดตัวมาตรการภาษีใหม่ต่ออีกหลายประเทศ โดยในเบื้องต้นพิจารณาทำในลักษณะกำหนดเป็นรายประเทศมากกว่ารายอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม โฆษกทำเนียบขาว Karoline Leavitt ยืนยันว่าทรัมป์ยังมีเป้าหมายจะเก็บภาษีแบบแยกตามภาคธุรกิจในอนาคตเช่นกัน Tom Barkin ประธาน Fed สาขา Richmond ให้สัมภาษณ์ CNBC ระบุว่าผลกระทบจากภาษียังต้องใช้เวลาประเมิน โดยเริ่มเห็นสัญญาณว่าผู้ผลิตอาจมีความจำเป็นจะต้องผลักต้นทุนไปยังผู้บริโภคโดยการปรับขึ้นราคา ขณะที่ผู้บริโภคไม่พอใจกับราคาที่สูงขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่แรง กดดันด้านเงินเฟ้อในอนาคต Barkin ย้ำว่าการลดอัตราดอกเบี้ยต้องมีความมั่นใจว่าเงินเฟ้อ อยู่ภายใต้การควบคุม และอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอาจลดโอกาสการลดอัตราดอกเบี้ย เขายังแสดงความกังวลด้านการจ้างงาน โดยมองว่าสถานการณ์ปัจจุบันไม่เหมือนช่วง Stagflation ในปี 1970 พร้อมย้ำจุดยืน ‘Wait and see’ ขณะเดียวกันยังระบุว่าการลดขนาดงบดุลอาจใช้เวลานานกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ หุ้นกลุ่มไบโอเทคสหรัฐฯ ร่วงแรง นำโดย Moderna -8.90%, Novavax -8.43% และ Sarepta -9.36% หลัง Dr. Peter Marks ผู้อำนวยการศูนย์ CBER แห่ง FDA ประกาศลาออก ท่ามกลางแผนปฏิรูปสาธารณสุขของรัฐบาล Trump–Kennedy ที่เริ่มเดินหน้าอย่างจริงจัง Marks เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการอนุมัติวัคซีนโควิดและการพัฒนายีนบำบัดสำหรับโรคหายาก การลาออกของเขาสร้างความไม่มั่นใจในแนวทางการกำกับดูแลใหม่ โดยเฉพาะในช่วงที่รัฐบาลอาจยกเลิกข้อยกเว้นภาษีนำเข้าสำหรับยาและเวชภัณฑ์ นักวิเคราะห์มองว่าเป็นปัจจัยลบซ้ำเติมกลุ่ม Biotech ที่อยู่ภายใต้แรงกดดันจากต้นทุนเงินทุนสูงและภาวะตลาดทุนไม่เอื้ออำนวย ขณะที่ท่าที ของ Robert F. Kennedy Jr. ซึ่งเคยตั้งคำถามต่อวัคซีน ยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนต่อผู้ลงทุนในภาคชีวภาพ ฝ่ายกลยุทธ์ฯ มองว่าหุ้นในกลุ่มไบโอเทคของสหรัฐฯ กำลังเผชิญแรงกดดันครั้งสำคัญจากประเด็นการลาออกของ Dr. Peter Marks ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะในหุ้นขนาดเล็กและขนาดกลางที่มีความอ่อนไหวต่อความเสี่ยงด้านกฎระเบียบมากเป็นพิเศษ ในทางกลับกัน หุ้นกลุ่ม Big Pharma เช่น Johnson & Johnson (JNJ), Pfizer (PFE), AbbVie (ABBV), Amgen (AMGN), Gilead Sciences (GILD) และ Eli Lilly (LLY) มี แนวโน้มได้รับผลกระทบน้อยกว่า เนื่องจากมีฐานรายได้ที่หลากหลายกว่า และมีความสามารถในการต่อรองด้านต้นทุนและราคาที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มไบโอเทคขนาดเล็ก ซึ่งมักพึ่งพิงตลาดสหรัฐฯ เป็นหลัก

 

อ่านบทวิเคราะห์ฉบับเต็ม

 

 

4007

Click Donate Support Web 

PTG 720x100

MTI 720x100

Banner GPF720x100 PXTOA 720x100

EXIM One 720x90 C JMTL 720x100

SME720x100 2024

CKPower 720x100

QIC 720x100

วิริยะ 720x100

aia 720 x100

BKI 720 x 100

ธกส 720x100

ใจฟู720x100pxAXA 720 x100

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!