: ข่าวด่วน ทันเหตุการณ์ เศรษฐกิจ การลงทุน หุ้น อสังหาริมทรัพย์ ไอที-เทคโนฯ รถยนต์ ท่องเที่ยว ต่างประเทศ รวดเร็วสดใหม่ทุกวัน 
BANPU Q1/68 สร้างกำไร 23.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ตลาดพลังงานเผชิญแรงกดดันจากหลายปัจจัย มุ่งรักษากระแสเงินสด
นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู และบริษัทย่อย BANPU แจ้งตลาดฯว่า ไตรมาส1/2568 สามารถสร้างกำไรจากการดำเนินงานได้ประมาณ 23.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ตลาดพลังงานเผชิญแรงกดดันจากหลายปัจจัย มุ่งรักษากระแสเงินสด เดินหน้าร่วมทุนเชิงกลยุทธ์ (JV) ร่วมกับกองทุน CIP Energy Transition Fund ถือหุ้น 51% ตั้งบริษัทร่วมทุน JV กองทุนเดนมาร์ก CIP รุกธุรกิจ:CCUS เริ่มต้น 500 ล้านดอลล์
1. ภาพรวมราคาตลาดของกลุ่ม
สินค้ำโภคภัณฑ์ด้านพลังงาน (Energy Commodities)ราคาตลาดของถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ ตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 ดังรูปด้านล่าง ที่แสดงให้เห็นถึงดัชนีราคาตลาดถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ ในช่วงที่ผ่านมา
2. สรุปความเห็นของฝ่ายบริหาร
ไตรมาสแรกของปี 2568 ตลาดพลังงานเผชิญแรงกดดันจากหลายปัจจัย ทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกที่เปราะบาง และท่าทีที่ไม่แน่นอนของรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อประเด็นสงครามภาษีและนโยบายการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและแนวโน้มการเติบโตในหลายภูมิภาค กดดันพฤติกรรมการใช้พลังงาน
โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมและภาคขนส่ง ส่งผลให้ราคาพลังงานหลักทั้งถ่านหินและก๊าซธรรมชาติอ่อนตัวลง ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ท้าทายนี้ บริษัทฯขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ Energy Symphonics ซึ่งมุ่งผสานพลังงานหลากหลายประเภทอย่างสมดุล เพื่อเสริมสร้างความยืดหยุ่นให้กับพอร์ตธุรกิจ ควบคู่ไปกับการบริหารต้นทุนอย่างมีวินัย และการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน พร้อมให้ความสำคัญกับการจัดสรรเงินลงทุนและการปรับพอร์ตธุรกิจอย่างเหมาะสม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
โดยมุ่งรักษากระแสเงินสดเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงิน และรักษาความสามารถในการสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยไตรมาสนี้ บริษัทฯ สามารถสร้างกำไรจากการดำเนินงานได้ประมาณ 23.1 ล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตาม หากรวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 7.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการแข็งค่าของเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐส่งผลให้บริษัทรายงานผลขาดทุนสุทธิ 14.2 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ บริษัทฯ รายงานกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA1) รวม 268 ล้านเหรียญสหรัฐ ประกอบด้วย EBITDA จากธุรกิจถ่านหินจำนวน 124 ล้านเหรียญสหรัฐ (ลดลงร้อยละ 37 จากไตรมาสก่อนหน้า) ธุรกิจก๊าซธรรมชาติจำนวน 85 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 จากไตรมาสก่อนหน้า) ธุรกิจไฟฟ้าจำนวน 55 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 122 จากไตรมาสก่อนหน้า) และธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานจำนวน 4 ล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมา BKV dCarbon Ventures ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ BKV ได้ประกาศจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเชิงกลยุทธ์ (JV) ร่วมกับกองทุน CIP Energy Transition Fund ซึ่งเข้าถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 49 ขณะที่ BKV dCarbon Ventures ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 51 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันออกแบบ พัฒนา และดำเนินธุรกิจ CCUS ในสหรัฐอเมริกา นับเป็นก้าวสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจ CCUS และรองรับการเติบโตในระยะยาว
More Articles อ่านฉบับเต็ม
BANPU Q1/68 สร้างกำไร 23.1 ล้าน
