BTG Q1/68 กำไร 1,897.8 ลบ.โตก้าวกระโดด ปรับพอร์ตเพิ่มกำไร เสริมด้วยแรงหนุนราคาหมู-ไก่เพิ่มขึ้น
เบทาโกรปลื้ม กำไรไตรมาส 1/68 โตก้าวกระโดด จากกลยุทธ์ปรับพอร์ตเพิ่มกำไร เสริมด้วยแรงหนุนราคาหมู-ไก่เพิ่มขึ้น เดินหน้าเจาะตลาดต่างประเทศ หลังรับรู้รายได้เพิ่มจากดีลควบรวมในสิงคโปร์
บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) BTG บริษัทอาหารครบวงจรชั้นนำของไทย เผยผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปี 2568 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ด้วยรายได้รวม 30,499.0 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 1,897.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.1% และ 1,629.3% ตามลำดับ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จาก 3 กลยุทธ์หลัก
ประกอบด้วย การขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศ การปรับพอร์ตสินค้าและช่องทางการจัดจำหน่ายเพื่อเพิ่มความสามารถทำกำไร และการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เสริมด้วยแรงหนุนราคาหมูและไก่ในประเทศปรับตัวสูงขึ้น และการรับรู้รายได้เข้าซื้อกิจการไข่ไก่ในสิงคโปร์ที่เสร็จสมบูรณ์แล้วเป็นครั้งแรก
นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจเบทาโกรในไตรมาสแรกปี 2568 เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะธุรกิจอาหารและโปรตีนที่มีทิศทางสดใส อันเป็นผลจากการขับเคลื่อนกลยุทธ์หลักขององค์กร ด้วยการเจาะตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพ การปรับพอร์ตสินค้าไปสู่ผลิตภัณฑ์และช่องทางจำหน่ายที่มีอัตรากำไรสูงขึ้น เช่น ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปและอาหารพร้อมทาน และการจำหน่ายในช่องทาง Food Service
และส่งออก ตลอดจนการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และปัจจัยการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาหมูและไก่ในประเทศ และความต้องการบริโภคหมูและไก่ที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและส่งออก ส่งผลให้รายได้รวมของบริษัทในไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 30,499.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.1% จาก 27,215.4 ล้านบาท ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่กำไรขั้นต้นของบริษัทฯ ในไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ระดับ 5,362.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 83.5% จาก 2,921.8 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 17.7% เพิ่มขึ้นจาก 10.8% ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่งผลให้ EBITDA ของบริษัทฯ ในไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 3,766.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 153.4% จาก 1,486.6 ล้านบาทจากงวดเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ระดับ 1,897.8 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนสุทธิที่ระดับ 124.1 ล้านบาทจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้น และการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับ ในปี 2568 เบทาโกรยังคงมุ่งเน้นขับเคลื่อน 3 กลยุทธ์หลัก ประกอบด้วย 1) การขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศ (International expansion) ผ่านการควบรวมกิจการ และการร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจ โดยเฉพาะตลาดที่มีศักยภาพและกำลังซื้อสูง 2) การปรับพอร์ตสินค้าเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไร (Product and Channel Mix Optimization) มุ่งเน้นบริหารจัดการผลิตภัณฑ์และช่องทางการจัดจำหน่ายไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรที่สูงขึ้น 3) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการบริหารจัดการต้นทุนตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Cost Transformation) ผ่านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและการออกแบบกระบวนการใหม่ เพื่อเพิ่มผลผลิตให้มีคุณภาพและผลิตภาพ
นอกจากนี้ ในไตรมาส 1/2568 เบทาโกรยังเริ่มรับรู้รายได้เป็นครั้งแรกจากบริษัท เบทาโกร ฟู้ดส์ (สิงคโปร์) จำกัด ในการเข้าซื้อกิจการ Eggriculture ซึ่งเป็นผู้ผลิตไข่ไก่รายใหญ่ในสิงคโปร์ที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว ที่ระดับ 27.3 ล้านเหรียญดอลลาร์สิงคโปร์ (หรือราว 688.8 ล้านบาท)
ซึ่งยืนยันถึงความสำเร็จในการดำเนินกลยุทธ์หลักที่ตั้งเป้าขยายธุรกิจสู่ต่างประเทศ และยังคงมองหาโอกาสขยายธุรกิจไปยังตลาดอื่นๆ ในเอเชียที่มีศักยภาพเพิ่มเติม เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม เพื่อมุ่งมั่นไปสู่เป้าหมายการเป็นผู้นำอุตสาหกรรมอาหารในระดับภูมิภาค
“แม้จะมีปัจจัยท้าทายธุรกิจโดยเฉพาะสงครามการค้าสหรัฐ-จีน เรายังเห็นโอกาสเติบโตจากการฟื้นตัวต่อเนื่องของราคาหมูและไก่ในประเทศ ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบ เช่น กากถั่วเหลือง และมันเส้น มีแนวโน้มลดลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกแก่ธุรกิจในระยะข้างหน้า ประกอบกับอุปสงค์ในตลาดส่งออกหลักในยุโรป และเอเชียที่ยังคงแข็งแกร่ง และการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ เราจึงเชื่อมั่นว่าจะสามารถเติบโตรายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ที่ 3-7%” นายวสิษฐ กล่าว
ทั้งนี้ เบทาโกรยังให้ความสำคัญและยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล และการกำกับดูแลกิจการที่ดี ล่าสุดบริษัทฯ ได้รับการยกระดับสถานะแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC) เป็นระดับ 3 ดาว ซึ่งนับเป็นระดับสูงสุด สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเบทาโกรในการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม โปร่งใส และเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
เกี่ยวกับบริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน)
เบทาโกร บริษัทอาหารครบวงจรชั้นนำของไทย ที่มุ่งมั่นเพิ่มคุณค่าชีวิตทุกคนด้วยอาหารที่ดีกว่า เพื่อชีวิตที่ยั่งยืน ดำเนินธุรกิจครบวงจรครอบคลุมตลอดห่วงโซ่การผลิตอาหาร ตั้งแต่การผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์ ผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์และสารเสริมสำหรับสัตว์ ปศุสัตว์ การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ ทั้งเนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่ และปลา และอาหารแปรรูปที่เกี่ยวข้อง สำหรับการบริโภคในประเทศและส่งออกไปกว่า 30 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งยังมีการขยายการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา ลาว เมียนมา และสิงคโปร์
ตลอดจนการดำเนินงานด้านการค้นคว้าวิจัยและพัฒนา การติดตามและควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการ ภายใต้ระบบการจัดการคุณภาพเบทาโกร (Betagro Quality Management - BQM) รวมถึงมาตรการความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosecurity) ขั้นสูงที่ได้การรับรองและเป็นที่ยอมรับตามมาตรฐานสากล และให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (United Nations Sustainable Development Goals – SDGs) และดำเนินการภายใต้กรอบ ESG (Environmental, Social, and Governance) เพื่อมุ่งสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน
ติดตามข่าวสารล่าสุดของเบทาโกรได้ที่ Facebook Betagro Group, LinkedIn Betagro Group, YouTube Betagro Group และ www.betagro.com