กยท.ลงนาม MOU สมาคมการค้าฯ ลุ่มแม่น้ำโขง เสริมแกร่งยางพาราไทย! ขับเคลื่อนธุรกิจยางไทย-จีน สร้างมูลค่าเพิ่มยางทั้งระบบอย่างยั่งยืน
ณ ห้องประชุมรัษฎา การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) สำนักงานใหญ่ กยท. โดย นายสุขทัศน์ ต่างวิริยกุล รักษาการแทนผู้ว่าการ กยท. ร่วมกับสมาคมการค้าส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจหกประเทศลุ่มแม่น้ำโขง โดย นายชุติวัต ชัยดรุณ นายกสมาคมฯ ลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือด้านธุรกิจยางพารา เป็นตัวแทนร่วมลงนามในพิธีครั้งนี้ มุ่งขับเคลื่อนการค้ายาง ไทย-จีน สร้างโอกาสทางธุรกิจ-เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ผลักดันอุตสาหกรรมยางพาราไทยอย่างยั่งยืน
นายสุขทัศน์ กล่าวว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญของทั้ง 2 ประเทศในการส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างไทยและจีน ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาทางธุรกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของยางพาราไทยในตลาดโลก โดยครอบคลุมการพัฒนาในหลายด้าน ทั้งการเสริมสร้างประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์เพื่อการขนส่ง การจัดหาวัตถุดิบยางพาราคุณภาพและยางพาราแปรรูปขั้นต้น รวมถึงการแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการและเทคโนโลยีการบำบัดน้ำเสีย การใช้พลังงานสะอาดเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตยางชนิดพิเศษให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า
โดย กยท. จะมีบทบาทในการอำนวยความสะดวกด้านการจัดหาวัตถุดิบยางพารา และผลิตภัณฑ์ยางแปรรูปขั้นต้นที่มีคุณภาพมาตรฐานจากเกษตรกร สถาบันเกษตรกร ผู้ประกอบการยาง และจาก กยท. ภายใต้เงื่อนไขราคาที่สามารถแข่งขันได้ โดยมีการรับรองคุณภาพผ่านระบบตลาดซื้อขายยางพาราไทย (Thai Rubber Trade) ในขณะเดียวกัน ทางด้านประเทศจีนก็ได้เตรียมพร้อมขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมและการบริโภคทั้งระบบ โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจด้านยางพาราของประเทศจีนให้สามารถส่งออกได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน
“กยท. หวังว่า ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นโอกาสครั้งสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนและพัฒนาเศรษฐกิจทั้งภายในและระหว่างประเทศ ลดอุปสรรคทางการค้าที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต สร้างความเชื่อมั่นในกลุ่มลูกค้าและคู่ค้า เพิ่มโอกาสทางธุรกิจในประเทศส่งออก รวมถึงสร้างรายได้ และมูลค่าเพิ่มให้กับยางพาราทั้งระบบอย่างยั่งยืนและมั่นคงตามมาตรฐาน” นายสุขทัศน์ กล่าวทิ้งท้าย
นายกฤตกร อุตตโม เลขาธิการสมาคมฯ กล่าวว่า สมาคมการค้าฯ มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนและผลักดันให้รัฐบาลจีนพิจารณาปรับลดอัตราภาษีนำเข้ายางพาราจากประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันภาษีนำเข้าอยู่ที่ 20% นอกจากนี้ สมาคมการค้าฯ ยังทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการประสานงานระหว่าง กยท. และบริษัทหรือหน่วยงานในจีน เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้าและโลจิสติกส์ ตลอดจนส่งเสริมการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านวิชาการ พัฒนาเครือข่ายการขนส่ง และเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศอย่างเป็นรูปธรรม