คุณท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา Bitkub Group บรรยายให้ หลักสูตรผู้บริหารรุ่นใหม่ธุรกิจไทย-จีน รุ่นที่ 1
เมื่อวันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2568 ที่ผ่านมา ณ โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ รัชดาฯ สมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน ร่วมกับหอการค้าไทย-จีน ภายใต้การสนับสนุนจากสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย รายการจับจ้องมองจีน และ China Media Group ได้จัดการอบรม ‘หลักสูตรผู้บริหารรุ่นใหม่ธุรกิจไทย-จีน รุ่นที่ 1 (Young Executive Program)’
โดยได้รับเกียรติจากคุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านสินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชนในประเทศไทย มาบรรยายให้ความรู้ในหัวข้อ "การเปลี่ยนแปลงธุรกิจในยุคดิจิทัล"
ในการบรรยายครั้งนี้ คุณท๊อป จิรายุสได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์และบทบาทของตนในเวที World Economic Forum 2025 ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นการประชุมสภาเศรษฐกิจโลกประจำปีที่รวบรวมผู้นำจากทั่วโลกมาหารือเกี่ยวกับแนวโน้มและความท้าทายของเศรษฐกิจโลก ในการประชุมครั้งล่าสุด คุณจิรายุสได้เข้าร่วมเสวนาในหัวข้อ’การเปลี่ยนแปลงจากสินทรัพย์สู่สินทรัพย์ดิจิทัล’ (Assets: From Concrete to Ether) ร่วมกับผู้นำด้านการเงินจากทั่วโลก
โดยได้แลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับนวัตกรรมทางการเงินรูปแบบใหม่ที่สินทรัพย์ในอนาคตจะถูกแปลงสภาพการใช้งานไปอยู่ในรูปของสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาสินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชนในประเทศไทย แต่ยังเป็นการยืนยันถึงบทบาทของภูมิภาคอาเซียนในการเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมทางการเงินในอนาคต ด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ และความสำคัญของการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเสริมสร้างเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืน
นอกจากนี้ คุณจิรายุส ยังได้กล่าวถึงแนวคิดเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก (Global Economy) โดยมองว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัลจะมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจโลก และสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถเป็นทางเลือกในการกระจายความเสี่ยงและสร้างความมั่นคงทางการเงินในสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน การนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้สามารถเสริมสร้างความโปร่งใสและความเชื่อมั่นในระบบการเงินระหว่างประเทศ ในบริบทของภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) สินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชนสามารถลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศกำลังพัฒนา และเชื่อว่าการนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้สามารถเสริมสร้างความโปร่งใสและความเชื่อมั่นในระบบการเงินระหว่างประเทศ บทบาทของสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ในฐานะผู้บุกเบิกด้านสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย ความสำคัญของการศึกษาและการยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลในวงกว้าง โดยมองว่าสินทรัพย์ดิจิทัลจะเป็นส่วนสำคัญของอนาคตทางการเงิน และการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นสิ่งจำเป็น
คุณจิรายุส ยังเน้นย้ำว่า อาเซียนมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางของนวัตกรรมทางการเงินและสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเน้นถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่ทันสมัยและการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโตของเทคโนโลยีใหม่ๆ
หลังจากนั้น ผู้เข้าอบรมในแต่ละกลุ่มได้แบ่งปันประสบการณ์จากการศึกษาดูงาน โดยกลุ่มหงส์ได้นำเสนอหัวข้อรถไฟความเร็วสูงของจีน จากการเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงจากเมืองกวางโจวไปยังเมืองเซินเจิ้น ได้เปิดประสบการณ์กับความล้ำสมัยของระบบรถไฟความเร็วสูงของจีน ซึ่งไม่เพียงแต่เชื่อมโยงเมืองต่างๆ เข้าด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังส่งเสริมเศรษฐกิจและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน
จีนได้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยีและการบริหารจัดการระบบขนส่งมวลชน ซึ่งสามารถเป็นต้นแบบให้กับประเทศอื่นๆ ที่ต้องการพัฒนาระบบขนส่งของตนเองในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำสมัยของรถไฟความเร็วสูงจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการคมนาคมที่ทันสมัย ด้วยเส้นทางจากกวางโจวไปยังเซินเจิ้นที่ครอบคลุมระยะทางประมาณ 140 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางเพียงประมาณ 40 นาที ด้วยความเร็วสูงสุด 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ทำให้การเดินทางข้ามเมืองเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ แผนผังสถานีรถไฟถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย มีระบบนำทางอัจฉริยะเพื่อช่วยผู้โดยสารในการเดินทาง นอกจากนี้ ยังได้ให้มุมมองเกี่ยวกับด้านสัมพันธภาพของผู้คน ที่สถานีรถไฟเปรียบเสมือนจุดรวมพลของผู้คนจากหลากหลายภูมิภาค ด้านสถาปัตยกรรมของการออกแบบโครงสร้างที่ทันสมัยด้วยอาคารที่สูงและกว้างขวางได้รับการออกแบบให้ใช้แสงธรรมชาติจากดวงอาทิตย์ ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า ด้านการจัดการระบบขนส่งที่เป็นระเบียบและมีประสิทธิภาพ สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการภายในสถานีที่ครบครัน ระบบความปลอดภัยที่เข้มงวด และระบบสาธารณูปโภคที่ทันสมัย
กลุ่มมังกรได้นำเสนอหัวข้อฟินเทคของจีนและบทบาทของ K-Tech โดยสรุปว่าจีนเป็นผู้นำด้าน Fintech โดยใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยในการปฏิวัติภาคการเงิน ทั้งปัญญาประดิษฐ์ (AI) ระบบธนาคารแบบกระจายศูนย์ (Distributed Core Banking Solution) และการออกแบบเชิงโมดูลเพื่อความยืดหยุ่นของระบบการเงิน K-Tech เป็นบริษัท Fintech ในเซินเจิ้นที่จัดตั้งโดยธนาคารต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาเทคโนโลยีการเงินและส่งมอบโซลูชันขั้นสูงเพื่อขยายธุรกิจระดับภูมิภาค
จุดเด่นของ K-Tech ได้แก่ DeepSeek AI โมเดลปัญญาประดิษฐ์ที่มีประสิทธิภาพสูง ใช้ทรัพยากรน้อยแต่ให้ผลลัพธ์ที่ทรงพลัง และ Distributed Core Banking Solution ระบบธนาคารยุคใหม่ที่ใช้ Microservices และ OpenAPI รองรับธุรกรรมขนาดใหญ่ เพิ่มความยืดหยุ่น และช่วยให้ธนาคารจีนสามารถแข่งขันระดับโลก K-Tech มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม Fintech ในเอเชีย ด้วยการพัฒนานวัตกรรมดิจิทัล และขยายบริการไปยังตลาดต่างประเทศ ทำให้จีนเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีการเงินของโลก
กลุ่มกิเลนได้นำเสนอหัวข้อ Huawei โดย Huawei มุ่งเน้นไปที่การนำ AI และแพลตฟอร์มดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในหลายภาคส่วน ทั้งการบริหารเมือง สนามบิน การก่อสร้าง ระบบพลังงาน และโลจิสติกส์ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และเสริมสร้างความปลอดภัยในการดำเนินงานต่าง ๆ นอกจากนั้นยังมีแพลตฟอร์มดิจิทัลมาใช้พัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) และระบบการคำนวณอัจฉริยะ (Smart Computing)
โดยสามารถสรุปประเด็นสำคัญได้ ดังนี้ แพลตฟอร์มดิจิทัลอัจฉริยะ Huawei ได้พัฒนาแพลตฟอร์มที่รวมเทคโนโลยี AI เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการเมืองอัจฉริยะ โดยช่วยรวบรวม วิเคราะห์ และประมวลผลข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพบริการสาธารณะและการบริหารเมือง ศูนย์ปฏิบัติการอัจฉริยะ (IOC) ระบบนี้ช่วยรวบรวมข้อมูลและประมวลผลด้วย AI ทำให้สามารถบริหารจัดการเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ระบบนิเวศพลังงานอัจฉริยะ การนำ AI มาใช้วิเคราะห์และจัดการพลังงานทดแทน พลังงานหมุนเวียน
และโครงสร้างพื้นฐานพลังงานเมือง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกระจายพลังงาน การจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลด้วย AI ถูกนำมาใช้วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เข้ารหัสและถอดรหัสข้อมูล รวมถึงรองรับการจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงและความปลอดภัยของข้อมูล Smart Computing และ AI Solutions โดย Huawei Cloud Pangu Model ใช้ AI ในการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อช่วยให้การวิเคราะห์ข้อมูลมีความรวดเร็วและแม่นยำ การใช้ AI ในโลจิสติกส์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการขนส่ง
การนำ AI มาใช้ในระบบการเงินและธนาคาร เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรมดิจิทัล การประยุกต์ใช้ AI ในสถานที่และการก่อสร้าง ระบบสนามบินอัจฉริยะ ใช้ AI บริหารข้อมูลและประสานงานกับสายการบินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเดินทาง AI ถูกใช้ในงานก่อสร้างเพื่อช่วยวางแผน ออกแบบ และควบคุมการก่อสร้างให้มีความปลอดภัยและลดต้นทุน การจัดการพลังงานในเมืองแบบดิจิทัล เพื่อการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน