วันช้างไทย 13 มีนาคม ทรู คอร์ปอเรชั่นนำโซลูชัน TSEWS ลดความขัดแย้ง เชื่อมความผูกพันช้างกับคนสู่การอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนในยุคดิจิทัล
`ช้าง`นับเป็นสัตว์ป่าผูกพันกับวิถีชีวิตและประวัติศาสตร์ไทยมาอย่างยาวนาน เป็นสัญลักษณ์แห่งพระราชอำนาจของกษัตริย์ เป็นพาหนะในการออกศึก และเป็นขุมพลังที่มีบทบาทสำคัญในการทำงานร่วมกับคนไทยทั้งขนส่งและลากจูงตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก่อนที่เครื่องจักรจะเข้ามาแทนที่ ด้วยความสำคัญอันยิ่งใหญ่นี้ วันที่ 13 มีนาคมของทุกปีจึงถูกกำหนดให้เป็น`วันช้างไทย`เพื่อรำลึกถึงคุณูปการของช้างที่ได้ชื่อว่าเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองของชาติไทย
ปัจจุบัน ประเทศไทยมีช้างป่าประมาณ 4,000 กว่าตัว กระจายอยู่ในพื้นที่อนุรักษ์ 91 แห่งทั่วประเทศ ช้างเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่ผูกพันกับคนไทยมายาวนาน แม้จำนวนช้างป่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นเรื่องดี แต่ในขณะเดียวกัน พื้นที่ป่าซึ่งเป็นบ้านของช้างกลับมีขนาดลดลงเนื่องจากการขยายตัวของพื้นที่เกษตรกรรมและชุมชนที่เพิ่มมากขึ้นตามจำนวนประชากรมนุษย์ ทำให้เกิดการทับซ้อนของพื้นที่อาศัยระหว่างคนกับช้าง
เมื่อพื้นที่ป่าลดลง จึงเริ่มเป็นสาเหตุทำให้ช้างต้องออกมาหาอาหารในพื้นที่เกษตรกรรมและชุมชน จนนำมาซึ่งความขัดแย้งระหว่างคนกับช้าง หรือที่เรียกว่า Human-Elephant Conflict (HEC) ซึ่งเป็นปัญญาทั่วโลกของประเทศที่มีช้างป่า ผลแห่งความขัดแย้งนำมาสู่ความสูญเสียทั้งสองฝ่าย ทั้งพืชผลทางการเกษตรที่ถูกทำลาย ทรัพย์สินที่เสียหาย และในบางกรณีนำมาสู่การบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของทั้งคนและช้าง จากสถิติทั่วไทยในช่วงปี 2555-2567 มีผู้เสียชีวิตจากการปะทะกับช้างป่าถึง 227 ราย และมากกว่า 1.5 แสนครัวเรือนได้รับผลกระทบ ขณะที่ช้างจำนวนไม่น้อยต้องบาดเจ็บหรือตายจากการที่คนพยายามปกป้องพืชผลและทรัพย์สินของตน
ในอดีตการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างมักเป็นวิธีการดั้งเดิม เช่น การขุดคูแนวกันช้าง การติดตั้งรั้วไฟฟ้าแรงต่ำ การจัดอาสาสมัครเฝ้าระวัง หรือการปลูกพืชที่ช้างไม่ชอบเป็นแนวกันชน แต่วิธีการเหล่านี้มีข้อจำกัด ทั้งในแง่ประสิทธิภาพ ต้นทุน และความยั่งยืน บางครั้งแนวกั้นหรือรั้วกันช้างก็ไม่สามารถหยุดช้างที่หิวโหยได้ ขณะที่การผลัดเวรเฝ้าระวังก็เป็นภาระหนักอึ้งสำหรับชาวบ้านที่ต้องทำมาหากินในตอนกลางวันและพักผ่อนในเวลากลางคืน
แต่ในยุคดิจิทัล นวัตกรรมได้เกิดขึ้นเมื่อเทคโนโลยีสมัยใหม่ 5G, AI และ IoT เข้ามามีบทบาทในการพัฒนาสู่โซลูชันแก้ไขปัญหาที่ยาวนานนี้ โดย ทรู คอร์ปอเรชั่น บริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำของไทย และบริษัทอันดับ 1 ของโลกด้านความยั่งยืน ด้วยคะแนน DJSI 2024 สูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรมโทรคมนาคมต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 ได้จับมือกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลก (WWF) ประเทศไทย ออกแบบพัฒนาระบบเตือนภัยอัจฉริยะที่เรียกว่า`True Smart Early Warning System`หรือ TSEWS ขึ้นมาเป็นครั้งแรก
ระบบ TSEWS นี้ไม่ใช่เพียงแค่เทคโนโลยีธรรมดา แต่เป็นนวัตกรรมจาก Tech For Good เพื่อสังคมยั่งยืน ที่ผ่านการวิเคราะห์จาก Insights โดยผสมผสานนวัตกรรมหลายอย่างเข้าด้วยกัน ทั้งเครือข่าย 5G และ 4G ที่ให้การเชื่อมต่อแม้ในพื้นที่ห่างไกล ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่สามารถวิเคราะห์ภาพและแยกแยะช้างได้อย่างแม่นยำ เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว และกล้องอัจฉริยะ (Camera Trap) ที่ทำงานบนเทคโนโลยีแนวคิด IoT ระบบแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ที่ส่งข้อมูลไปยัง War room ของเจ้าหน้าที่ และระบบคลาวด์ที่จัดเก็บและประมวลผลข้อมูลมหาศาลเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมของช้าง
ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ปัจจุบันมีช้างป่าอาศัยอยู่ประมาณ 400 ตัว ท่ามกลางชุมชนที่มีประชากรมากกว่า 2 หมื่นคน เกือบ 4 พันครัวเรือน สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์และสัตว์ป่าขนาดใหญ่ ที่นี่เคยเป็นพื้นที่ที่มีประวัติความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างสูง เนื่องจากล้อมรอบด้วยสวนสับปะรดและพืชไร่ที่ช้างชื่นชอบ
ข้อมูลสถิติแสดงให้เห็นว่า จำนวนครั้งที่พบช้างบุกรุกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จาก 255 ครั้งในปี 2560 เป็น 992 ครั้งในปี 2567 แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ความเสียหายกลับลดลงอย่างเห็นได้ชัด จาก 190 ครั้งในปี 2560 และสูงสุดที่ 226 ครั้งในปี 2561 มาเป็นเพียง 3 ครั้งในปี 2562 ซึ่งเป็นปีแรกที่มีการติดตั้งโซลูชัน True Smart Early Warning System (TSEWS) และล่าสุดในปี 2567 ไม่มีรายงานความเสียหายเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ความสำเร็จของโครงการนำร่องที่เริ่มต้นในปี 2562 นี้ จึงเป็นตัวอย่างของการแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับช้าง (Human-Elephant Conflict หรือ HEC) ที่มีประสิทธิภาพสูง แม้จำนวนช้างจะเพิ่มขึ้นจาก 300 ตัวเมื่อเริ่มโครงการ เป็นประมาณ 400 ตัวในปัจจุบัน และการพบเจอช้างจะมีความถี่มากขึ้นเกือบสี่เท่า แต่ด้วยระบบเตือนภัยล่วงหน้าอัจฉริยะ TSEWS ทำให้ชุมชนและช้างสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างปลอดภัยและยั่งยืน
"เมื่อก่อนเราต้องคอยระวังตลอดเวลาไม่รู้ว่าช้างจะมาเมื่อไร จุดไหน" รมมุก เพียจันทร์ Senior Leader, Project Development ส่วนงานพัฒนาที่ยั่งยืน บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น เล่า "ตอนนี้เราสามารถรู้ได้ทันทีจากโซลูชัน TSEWS ทำให้มีเวลาเตรียมตัว เพราะระบบจะแจ้งเตือนล่วงหน้าเมื่อช้างบุกรุกนอกพื้นที่ป่าสู่ชุมชน เราจึงปฏิบัติการช่วยผลักดันช้างกลับเข้าป่าได้อย่างก่อนที่จะเกิดเหตุความสูญเสีย”
จากความสำเร็จเกินคาด ทรู คอร์ปอเรชั่น จึงได้ขยายโครงการ TSEWS ไปยังพื้นที่อื่นๆ ที่มีปัญหา HEC ได้แก่ พื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก ภายใต้ภายใต้โครงการคชานุรักษ์ ซึ่งครอบคลุม 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา จันทบุรี ระยอง ชลบุรี และสระแก้ว
แต่ละพื้นที่มีความท้าทายที่แตกต่างกัน ทั้งภูมิประเทศ ลักษณะชุมชน และพฤติกรรมของช้างป่า ทรู คอร์ปอเรชั่น จึงปรับปรุงระบบ TSEWS ให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ โดยมีการพัฒนาทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์อย่างต่อเนื่อง ในเขตพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ได้นำ AI มาผสานโซลูชันสำหรับการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์ของช้างแต่ละตัว เพื่อวิเคราะห์แยกแยะช้างจากลักษณะเฉพาะ เช่น รูปร่างของหู หรือหาง และสามารถระบุช้างที่มีประวัติทำลายพืชผลบ่อยครั้ง ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถเฝ้าระวังเป็นพิเศษ
รมมุก กล่าวด้วยความภาคภูมิใจต่อไปว่า "เทคโนโลยีการสื่อสารไม่เพียงเชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน แต่ยังสามารถสร้างความสมดุลระหว่างมนุษย์กับสัตว์ป่าและธรรมชาติ ระบบ TSEWS ของเราช่วยให้ชุมชนและช้างป่าอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน โดยลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้าง หรือ Human-Elephant Conflict (HEC) ซึ่งเป็นความท้าทายระดับโลก เรานำนวัตกรรมมาสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นสำหรับทั้งชุมชนและช้างป่า นำไปสู่การแก้ปัญหาที่ยั่งยืนและการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นมิตรต่อกันและกัน"
ความมุ่งมั่นในการพัฒนาระบบ TSEWS ของทรู คอร์ปอเรชั่น ไม่ได้หยุดอยู่เพียงเท่านี้ ระบบดังกล่าวสามารถนำมาวิเคราะห์แนวโน้มการเคลื่อนที่ และเส้นทางเดินของช้าง และแจ้งเตือนล่วงหน้า นอกจากนี้ นอกจากช่วยตรวจการบุกรุกของช้างป่าแล้ว ยังสามารถนำมารวบรวมข้อมูลพฤติกรรมและการเคลื่อนที่ของช้างเพื่อประโยชน์ในการวิจัยและอนุรักษ์
แน่นอนว่า แม้ความท้าทายในการอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับช้างยังคงอยู่ แต่ด้วยความร่วมมือจากทรู คอร์ปอเรชั่น กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และ WWF-ประเทศไทย ที่มุ่งมั่นสานต่อภารกิจนี้ ภาพแห่งความขัดแย้งจะค่อยๆ เลือนหาย แทนที่ด้วยสายใยแห่งความผูกพันอันยาวนานระหว่างคนไทยกับช้างป่า เพื่อให้ลูกหลานไทยได้สืบสานความภาคภูมิใจในสัตว์คู่บ้านคู่เมืองที่เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ของชาติไทยตลอดไป