ดัชนี ราคาผู้ผลิต ก.พ.68 ลด 0.3% จากการลดลงของสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม
สนค.เผยดัชนีราคาผู้ผลิต เดือน ก.พ.68 ลดลง 0.3% จากการลดลงของสินค้าหมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมง จากการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดโลก หมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เหตุราคาตลาดโลกลดลง และมีผลกระทบจากมาตรการทางการค้าโลก ส่วนหมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง เพิ่มขึ้น คาด มี.ค. ขยายตัวต่ำ โดยได้รับผลดีจากการเร่งซื้อของประเทศที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการสหรัฐฯ แต่ต้องจับตาราคาสินค้าเกษตร
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิตของไทย เดือน ก.พ.2568 เท่ากับ 111.3 ลดลง 0.3% เมื่อเทียบกับ ก.พ.2567 จากการลดลงของราคาสินค้าหมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมง 0.3% ที่ปัจจุบันเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดโลก
โดยเฉพาะประเทศผู้ส่งออกในภูมิภาค และหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ลดลง 0.3% ตามทิศทางเคลื่อนไหวตามราคาตลาดโลกจากอุปสงค์ของตลาดปลายทาง และผลกระทบจากมาตรการทางการค้าโลก ส่วนหมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง เพิ่มขึ้น 0.5% จากการเพิ่มขึ้นของก๊าซธรรมชาติเหลว (NG) และสังกะสี
สำหรับ รายละเอียดหมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมง ที่ลดลง 0.3% มีผลจากสินค้าสำคัญ ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้า จากฐานราคาของปีก่อนที่สูง ประกอบกับประเทศผู้ส่งออกรายสำคัญยกเลิกมาตรการระงับการส่งออก ทำให้ผลผลิตในตลาดโลกมีปริมาณสูงขึ้น อ้อย จากฐานราคาของปีก่อนที่สูง ประกอบกับปริมาณผลผลิตในปีนี้ที่มากกว่าปีก่อน
หัวมันสำปะหลังสด จากตลาดปลายทางสำคัญลดปริมาณการนำเข้าผลผลิตจากไทย พืชผัก (มะนาว พริกแห้ง) จากปริมาณฝนที่เพิ่มขึ้น ทำให้ปริมาณผลผลิตออกมาก โคมีชีวิต จากความนิยมที่เพิ่มขึ้นในการบริโภคสินค้านำเข้า ส่งผลให้ราคาผลผลิตในประเทศลดลง ส่วนสินค้าที่ราคาปรับสูงขึ้น
ประกอบด้วย ยางพารา เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมของประเทศคู่ค้าปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับการเปิดตลาดส่งออกในภูมิภาคใหม่ ทำให้ความต้องการสินค้าสำหรับส่งออกเพิ่มขึ้น ผลปาล์มสด จากปริมาณผลผลิตในตลาดโลกที่มีน้อย ในขณะที่ความต้องการสินค้าเพิ่มจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทุเรียน และสับปะรดโรงงาน จากความต้องการของตลาดต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น สุกรมีชีวิต จากฐานของราคาในปีก่อนที่ต่ำจากการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศในปริมาณมาก ประกอบกับปริมาณผลผลิตในปีนี้ที่ลดลง และกุ้งแวนนาไม จากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดลดลงเนื่องจากต้นทุนการเพาะเลี้ยงที่สูงขึ้น
หมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ที่ลดลง 0.3% จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ ประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ได้แก่ น้ำมันดีเซล น้ำมันเครื่องบิน น้ำมันก๊าด ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 เนื่องจากเคลื่อนไหวตามทิศทางราคาตลาดโลก กลุ่มผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ และอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่
แผงวงจรพิมพ์ อุปกรณ์กึ่งตัวนำและวงจรรวม Integrated Circuit (IC) และอุปกรณ์หน่วยรับข้อมูล/แสดงผล ตามปัจจัยอุปสงค์ที่ชะลอตัวลง กลุ่มเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี ได้แก่ เอทานอล สารพอลิเมอร์และสารเคมีอินทรีย์อื่นๆ เม็ดพลาสติกและพลาสติกขั้นต้น ปรับราคาตามวัตถุดิบที่ลดลง
กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร ได้แก่ เนื้อปลาสดแช่แข็ง ปลากระป๋อง ปลาป่น มันเส้น ข้าวนึ่ง และกลุ่มน้ำตาลทราย ตามอัตราแลกเปลี่ยนและความต้องการของตลาดโลก และกลุ่มโลหะขั้นมูลฐาน ได้แก่ เหล็กแท่ง เหล็กแผ่น ท่อเหล็กกล้า เหล็กเส้น เหล็กฉาก เหล็กรูปตัวซี ตามปัจจัยอุปสงค์ที่ชะลอตัวลง ส่วนสินค้าที่เพิ่มขึ้น ประกอบด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก ได้แก่
ยางนอกและยางในรถยนต์ ยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และน้ำยางข้น เนื่องจากความต้องการของผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องมีความต้องการเพิ่มขึ้น กลุ่มยานยนต์ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ ได้แก่ รถกระบะ รถบรรทุกขนาดเล็กและรถบรรทุกขนาดใหญ่ ปรับราคาขึ้นตามต้นทุนวัตถุดิบและค่าแรงงาน และกลุ่มผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอื่นๆ ได้แก่ ทองคำ เคลื่อนไหวตามอุปสงค์ของตลาดโลก
ส่วนหมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง ที่เพิ่มขึ้น 0.5% จากการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติเหลว (NG) และสินแร่โลหะ (สังกะสี) ซึ่งราคาเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดโลก
“ดัชนี ราคาผู้ผลิตเดือน ก.พ.2568 ปรับตัวผันผวนอยู่ในกรอบแคบๆ โดยมีปัจจัยจากภายนอกเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดผลกระทบ สนค. เห็นว่า ควรมีมาตรการหรือแนวทางในการรักษาเสถียรภาพของผู้ประกอบการผลิตภายในประเทศ
โดยเฉพาะในกลุ่มเกษตรกรที่ปัจจุบันได้รับผลกระทบจากการแข่งขันด้านราคาในตลาดโลก เช่น การให้โควตาสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการปลูกพืชเศรษฐกิจทางเลือก เพื่อจูงใจให้เกษตรกรบางส่วนลดพื้นที่ในการปลูกพืชเศรษฐกิจหลักที่ราคามีความผันผวนขึ้นกับตลาดโลก และส่งเสริมการกระจายตลาดของผลผลิตทางการเกษตรแปรรูป โดยเฉพาะในตลาดส่งออกที่มีศักยภาพ
สำหรับ ภาคอุตสาหกรรม ภาครัฐควรผลักดันสนับสนุนการร่วมลงทุนจากต่างชาติ เพื่อให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีในภาคการผลิต ยกระดับอุตสาหกรรมในภาพรวมให้มีประสิทธิภาพ และเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์”นายพูนพงษ์กล่าว
นายพูนพงษ์ กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีราคาผู้ผลิต เดือน มี.ค.2568 คาดว่าจะขยายตัวในอัตราค่อนข้างต่ำกว่าปีที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการบริโภคในภาพรวมที่สูงขึ้นจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ การลดอัตราดอกเบี้ยของสถาบันการเงิน และหนี้ครัวเรือนที่ลดระดับลงอย่างต่อเนื่อง คำสั่งซื้อจากประเทศคู่ค้าสำคัญที่เพิ่มขึ้นในภาคการผลิตเพื่อการส่งออก ทดแทนสินค้าจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกเดิมที่ได้รับผลจากนโยบายทางการค้าสหรัฐฯ ส่วนปัจจัยกดดัน มาจากปริมาณผลผลิตทางการเกษตรในภาพรวมที่มากกว่าปีก่อน กระทบต่อราคาขายในประเทศและการแข่งขันในตลาดโลก
การนำเข้าสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเทศที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายทางการค้ากดดันราคาผู้ผลิตเพื่อจำหน่ายภายในประเทศ และราคาพลังงานที่มีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ส่วนปัจจัยด้านอัตราแลกเปลี่ยน และผลกระทบจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ยังคงมีความไม่แน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตในทิศทางใด โดยจะต้องมีการติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป