SMPC กำไรปี 2567 ทะยาน 61% รับยอดขายพุ่ง-ต้นทุนลด ตั้งเป้าโตต่อ 15-20% ปี 2568 พร้อมแจกปันผล 0.27 บ./หุ้น
SMPC โชว์ฟอร์มแกร่ง ผลประกอบการปี 2567 โกยกำไร 597.55 ลบ. โตทะยาน 61% มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 4,576.93 ลบ. เพิ่มขึ้น 20.1% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ด้านบอร์ดชงจ่ายปันผลงวดครึ่งปีหลังอีก 0.27 บ./หุ้น กำหนด Record Date ในวันที่ 8 เม.ย. 2568 และจ่ายเงินปันผล 30 เม.ย. 2568 นี้ เปิดแผนธุรกิจปี 2568 ตั้งธงยอดขายโตราว 15-20% จากปีก่อน พร้อมกลยุทธ์ตั้งรับเศรษฐกิจโลกผันผวน
นายสุรศักดิ์ เอิบสิริสุข ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC ประกอบธุรกิจผลิตถังทนความดันแบบต่างๆ โดยผลิตภัณฑ์หลักเป็นถังสำหรับบรรจุแก๊สปิโตรเลียมเหลว (LPG) เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงหุงต้ม และสำหรับใช้เป็นแหล่งพลังงานรถยนต์ โดยจำหน่ายภายในและต่างประเทศ ภายใต้เครื่องหมายการค้า “SMPC” รวมทั้งรับจ้างผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าต่างๆ เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ ในงวดปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 597.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 226.31 ล้านบาท หรือคิดเป็น 61% จากปีก่อนที่มีกำไร 371.24 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น อัตราการทำกำไรเพิ่มขึ้น และภาษีลดลง
โดยในปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวมอยู่ที่ 4,576.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 766.06 ล้านบาท หรือคิดเป็น 20.1% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,810.87 ล้านบาท จากความต้องการต่อเนื่องเพื่อใช้ถังเป็นบรรจุภัณฑ์ในการขายแก๊สและทดแทนถังเดิมบางส่วน รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบอย่างเหล็กที่ลดลงประมาณ 15% จากปีก่อน ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยยังอยู่ในระดับใกล้เคียงเดิม
“แนวโน้มคำสั่งซื้อในปี 2568 มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่การแข่งขันด้านราคาผ่อนคลายลง ส่งผลให้บริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรได้ดีขึ้น นอกจากนี้ การบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพช่วยเสริมความแข็งแกร่งของบริษัท และด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว พร้อมกับการบริหารซัพพลายเชนที่มีประสิทธิภาพ บริษัทจึงพร้อมเดินหน้ารับโอกาสการเติบโตในอนาคต
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบ เช่น ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการค้ารอบใหม่ และนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยจะมุ่งเน้นการบริหารความเสี่ยงด้านต้นทุนวัตถุดิบ เช่น ราคาเหล็ก ค่าขนส่ง และความผันผวนของค่าเงินบาท เพื่อให้สามารถรักษาการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้” นายสุรศักดิ์ กล่าว
สำหรับแผนธุรกิจปี 2568 บริษัทตั้งเป้าการเติบโตท่ามกลางความท้าทายของเศรษฐกิจ โดยวางเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 15-20% จากปีก่อน แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโลกอาจเผชิญความท้าทายจากปัจจัยต่างๆ อาทิ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการค้ารอบใหม่ และนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม บริษัทเชื่อมั่นว่ายังมีโอกาสทางธุรกิจและตลาดที่สามารถขยายตัวได้ โดยจะมุ่งเน้นการบริหารต้นทุนวัตถุดิบ ควบคุมค่าใช้จ่าย และปรับกลยุทธ์ซัพพลายเชน เพื่อให้สามารถแข่งขันและเติบโตต่อไปได้
“เรามั่นใจว่าปี 2568 จะเป็นอีกปีที่ SMPC สามารถขยายตลาดและรักษาความสามารถในการทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งและการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ” นายสุรศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย
อย่างไรก็ดี เพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ให้การสนับสนุนบริษัทด้วยดีเสมอมา บริษัทได้อนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลังอีก 0.27 บาทต่อหุ้น รวมทั้งปี 2567 จ่ายในอัตรา 0.67 บาทต่อหุ้น ซึ่งได้จ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วสำหรับงวดครึ่งปีแรก 2567 ในอัตรา 0.40 บาทต่อหุ้น โดยเงินปันผลทั้งหมดจ่ายจากกำไรของกิจการที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 20 และจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายตามอัตราที่กฎหมายกำหนด กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 8 เมษายน 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผล 30 เมษายน 2568
2297